PadBig-Together Plus

PadBig-Together Plus

ข้อมูลของผลิตภัณฑ์

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว





เป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มีประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด

ส่วนประกอบสำคัญในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว
• กลุ่มกรดโอเลอิก (Oleic Acid) เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว จัดอยู่ในกลุ่มกรดไขมัน โอเมก้า-9 ที่มีฤทธิ์ลดระดับไขมันในเลือดได้จึงสามารถลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดได้ดี

• กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว จัดอยู่ในกลุ่มกรดไขมัน โอเมก้า-6 และกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันที่จำเป็นโดยมีอยู่ประมาณ 33%ที่ร่างการต้องได้รับจากอาหาร ช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในเลือดได้เช่นกัน

• กลุ่มแกมมา – ออริซานอล (Gamma Oryzanol) พบได้เฉพาะในน้ำมันที่สกัดจากรำข้าววเท่านั้น มีผลงานวิจัยมากมายกว่า 40 ปี ที่ยืนยันประสิทธิภาพของแกรมมา ออริซานอล ว่าสามารถช่วยในการดูแลสุขภาพของเราได้อย่างมาก มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น (เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต) ช่วยปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุลโดยเฉพาะในวัยทอง จึงทำให้อาการแปรปรวนต่างๆ ของคนวัยทองมีแนวโน้มดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวี ช่วยป้องกันผิวหนังมิให้ถูกทำลายด้วยแสงแดด ผิวหนังสามารถคงความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยลดการอักเสบและช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวทำให้ผิวขาวสดใสขึ้น

• กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) เป็นวิตามินอีธรรมชาติ ที่อยู่ในน้ำมันรำข้าว ที่อยู่ในรูปของโทโคเฟอรอล (Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง และสามารถชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ป้องกันการแก่ก่อนวัย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรงมะเร็ง

• โฟโตสเตอรอล(Phytosterol) เป็นสารสำคัญที่มีรายงานการวิจัยจากหลายสถาบันว่า ช่วยยับยั้งการเติบโตของเนื้องอก และเซลล์มะเร็งช่วยป้องกันโรงมะเร็งลำใส้ใหญ่และมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมทั้งช่วยลดคลอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และลดความเสี่ยงของโรคหลอเลือดและหัวใจ

• กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง เป็นไขมันที่มีความจำเป็นของผนังเซลล์ ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ช่วยให้เซลล์สามารถเก็บกักน้ำ และความชุ่มชื้นไว้ได้ยาวนาน และช่วยป้องกันในการสูญเสียน้ำออกจากผิว การได้รับเซราไมด์เพิ่มหรือการเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง นุ่มนวล และยืดหยุ่นได้ดี ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย

• กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง โดยเฉพาะเซลล์เยื่อหุ้มสมอง และเยื่อหุ้มประสาท ฟอสฟอไลปิด ทำให้การสื่อกระแสประสาท สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วทำให้ระบบความทรงจำดีขึ้น และลดความเสี่ยงของการเกิดโรงความจำเสื่อม รวมทั้งยังช่วยลอความเครียดได้ด้วย และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ

• กลุ่มวิตามิน B – Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย รศ.ดร. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะบดีคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และ 1 ใน 12 ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของสหประชาชาติ ผู้วิจัยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวจนโด่งดังขายดีมากใน U.S.A. และยุโรป โดยสรุปน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดูแลสุขภาพ 4 เรื่อง ดังนี้


1. เรื่องเกี่ยวกับสมอง ช่วยลดอาการเครียด ปวดหัว ไมเกรน นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม เสริมสร้างเซลล์สอง โดยรับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล,เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหาร ภายใน 1-2 วันจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องของความเครียด นอนไม่หลับ
    *หากใครทาน 4 แคปซูลต่อวันแล้วมีอาการมืนงง ให้ลดเหลือ 2 แคปซูล เนื่องจากคนๆนั้นตอบสนองต่อน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดีมากจนเส้นเลือดในสมองขยายตัวมากเกินไป จนเลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป (แต่จำนวนน้อยมากๆที่มีอาการเช่นนี้)

2. โรคเสื่อม เช่น ไขมันในเส้นเลือด ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ เก๊า อัมพฤต มือเท้าชา อาการวัยทอง ให้ทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)โรคมะเร็งขั้นที่ 1-2 รับประทานเป็น 9 แคปซูลในสัปดาห์ที่ 2

3. โรคอักเสบ เกี่ยวกับข้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบ อื่นๆ รับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)

4. การต้านอนุมูลอิสระ จะมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพวกน้ำมันตับปลาถึง 60 เท่า ทำให้อาการที่เกิดจากอนุมูลอิสระไปทำลายจนโรคเสื่อมเกิดน้อยลง เช่น หากอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ตับอ่อน ทำให้การสร้างอินซูลินบกพร่อง จึงเกิดเบาหวาน หากไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดรอยแผลที่ผิวหลอดเลือด ทำให้ไขมันไปเกาะง่าย จึงเกิดไขมันอุดตัน

สรุป น้ำมันรำข้าวมีคุณประโยชน์ในเรื่องของ (น้ำมันรำข้าวจมูกข้าวสกัดจากธรรมชาติ ไร้สารเจือปน)
􀀹 ต้านมะเร็ง อัมพฤกษ์-อัมพาต
􀀹 โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต
􀀹 มีบุตรยาก เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ มดลูกแข็งแรง-กระชับ
􀀹 คอเลสเตอรอล เส้นเลือดตีบ
􀀹 อัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม
􀀹 พาร์กินสัน ธาลัสซีเมีย
􀀹 ฟื้นฟูสุขภาพ ชะลอความชรา
􀀹 บำรุงสมอง บำรุงร่างกาย
􀀹 ลดน้ำหนัก ได้ 10-15 กก. ภายใน 3 เดือน ทำให้คุณมีรูปร่างเพรียวสมส่วน
􀀹 ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
􀀹 ลดอาการปวดหลัง
􀀹 ลดระดับ LDL คอเลสเตอรอล ซึ่งก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย
􀀹 เพิ่มระดับ HDL คอเลสเตอรอล ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
􀀹 ความดันโลหิตลดลง และลดระดับน้ำตาลในเลือด
􀀹 บำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมองและความจำ
􀀹 ช่วยให้ผิวหนังสดใส
􀀹 ช่วยอาการผิดปกติของชาย, หญิง วัยเจริญพันธุ์ และวัยทอง
􀀹 ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ และป้องกันการเกิดมะเร็ง
􀀹 ลบเลือนริ้วรอยด่างดำ เหี่ยวย่น ฝ้า และ กระ
􀀹 ลดภาวะท้องผูก ลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
􀀹 ช่วยให้นอนหลับสบาย
..............................................................................

เอจี บล๊อค AG Bloc



เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสกัดจากถั่วขาว, โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง, สารสกัดจากพริก, แอล-คาร์นิทีนแอลทาเตรท , สารสกัดจากส้มแขก ช่วยในการเผาผลานไขมัน และป้องกันการสะสมของไขมันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดและควบคุมน้ำหนัก








 ประโยชน์
     1. ลดปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหาร
         - สารสกัดจากถั่วขาวมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อัลฟา-อะไมเลสสาร
         - สกัดจากถั่วเหลืองหมัก (Touchi) มีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อัลฟา-กลูโคซิเคสและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
     2. ดึงไขมันส่วนเกินออกมาใช้
         - สารสกัดจากพริก (สายพันธุ์พริกขี่หนู Annuum มีสารแคพไซซินอยด์มากที่สุดช่วย) เร่งการเผาผลาญในร่างกายให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น
         - แอลฟา-คาร์นิทีน ,แอล-การ์เตรท ทำหน้าที่นำไขมันเข้าสู่เซลล์ไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน
         - สารสกัดจากส้มแขก (สายพันธุ์ Garmicia Cambogia มีปริมาณ HCA มากที่สุด) เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และช่วยให้ไม่รู้สึกอาหารอยาก
         - แคลเซี่ยมไพรูเวท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
         - โครเมี่ยมพิโคลิเนต ช่วยให้ร่างกายสามารถนำไขมัน ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ดีกว่าโครเมี่ยมปกติในร่างกาย 6 เท่า

วิธีรับประทาน
ก่อนอาหาร 15-30 นาที AG Bloc 1 เม็ด สามารถ Block แป้งได้ ประมาณ 500 แคลอรี่ 

..............................................................................

โอลิโก ไฟเบอร์-พี



โอลิโกไฟเบอร์เป็นเส้นใยอาหารดีท็อกซ์ ขจัดสารพิษในลำไส้ใหญ่ และยังทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานอย่างเป็นปกติ และส่งเสริมให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำหน้าที่ขจัดสารพิษที่จะทำอันตรายต่อลำไส้ใหญ่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ









 ประกอบด้วย
     1. โอลิโกแซคคาไรด์  ทำให้จุลิทรีย์ที่มีประโยชน์ ทำหน้าที่ได้ดี ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลดอาการท้องเสียและท้องผูก ช่วยดูดซึมแคลเซี่ยม และธาตุเหล็ก ป้องกันมะเร็ง และช่วยให้ตับไม่ต้องทำงานหนัก
     2. กลูโคแมนแนน จัดเป็นไฟเบอร์ ช่วยดูดซับน้ำตาลและไขมัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้อิ่ม ลดโอกาสเกิดมะเร็งลำไส้ ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ขับสารพิษในลำไส้ได้รวดเร็ว
     3. ไซเลี่ยมซีดฮักค์ เป็นพืชทางตะวันออกกลาง สามารถดูดซับน้ำตาลและช่วยลดไขมัน ช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ช่วยในการลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี
     4. วีทกราส เป็นต้นอ่อนข้าวสาลี มีคลอโรฟิลล์สูงถึง 70% ซึ่งมีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ อุดมด้วยวิตามินแร่ธาตุมากมาย
     5. เบต้าแคโรทีน ต้นตอของวิตามินเอ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดและมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
     6. ไคโตซาน ช่วยยับยั้งการดูดซึมของไขมัน ดักจับไขมัน ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ด้วย

ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการดูแลสุขภาพ 3 ประการที่สำคัญคือ
     - ช่วยในการขจัดของเสีย และสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ภายในลำไส้ของเรา หรือการดีท็อกซ์นั่นเอง    
     - ส่งเสริมให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของเรา ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะส่วนผสมของโอลิโกแซคคาร์ไรด์ ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปไม่ได้ แต่จะเป็นอาหารให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ เช่น แลคโต-แบซิลัส เป็นต้น
     - ช่วยลดอัตราเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ด้วยส่วนประกอบของเส้นใยอาหารจากธรรมชาติ ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยดูดจับน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังทำให้รู้สึกอิ่ม หากรับประทานก่อนมื้ออาหาร ทำให้รับประทานอาหารมื้อนั้นๆได้น้อยลง ซึ่งสามารถใช้ในกรณีอยู่ในระหว่างการลด และหรือการควบคุมน้ำหนัก

วิธีรับประทาน

     1. สำหรับการดีท็อกซ์  2 ซองผสมน้ำ 1-2 แก้ว (200-400 มล.) คนให้ละลายแล้วดื่มทันทีก่อนนอนทุกคืนติดต่อกัน 10-14 วัน 
     2. สำหรับการดูแลสุขภาพลำไส้  1 ซองผสมน้ำ 1 แก้ว (200-400 มล.) คนให้ละลายแล้วดื่มน้ำทันทีก่อนนอนทุกคืน 
     3. สำหรับการลดน้ำหนัก  1 ซองผสมน้ำ 1 แก้ว (200-400 มล.) คนให้ละลายแล้วดื่มทันทีก่อนรับประทานอาหาร 30-60 นาทีในเฉพาะบางมื้ออาหารที่มักจะรับประทานอาหารมากเกินไปเช่นมื้อเย็น
..............................................................................


 ซุปเปอร์ไซเดอร์ (Super Cider)






เติมเต็มสุขภาพที่ดีด้วย เครื่องดื่มซุปเปอร์ไซเดอร์ (Super Cider) เครื่องดื่มผสม คลอลาเจน และ นาโน โคเอนไซม์ คิวเท็น ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ชะลอปัญหาของริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวพรรณสดใส ฟื้นฟูความหย่อนยานของกล้ามเนื้อ ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง







ส่วนประกอบสำคัญ ของ ซุปเปอร์ไซเดอร์
     1.นาโน โคเอนไซม์ คิวเท็น (Nano Co-enzyme Q-10): ปกติจะเป็นสารที่อยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย เพราะร่างกายสามารถผลิตได้เอง โคเอนไซม์ คิวเท็น ทำหน้าที่หลักในกระบวนการเปลี่ยนแปลงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรท และไขมัน ให้อยู่ในรูปของพลังงาน เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้ โคเอนไซม์ คิวเท็น จึงจัดเป็นสารสำคัญในกระบวนการผลิตพลังงานของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะอวัยวะที่ต้องใช้พลังงานสูง เช่น หัวใจ ตับ หรือไต
          - ช่วยยับยั้งเคลเลสเตอรอล ไม่ให้จับตัวอยู่ตามผนังหลอดเลือด ลดปัญหาการอุดตันของเส้นเลือดได้อีกด้วย
          - ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ หรืออัลไซเมอร์
          - ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ลดปัญหาของริ้วรอยเหี่ยวย่น

โดยทั่วไป ปริมาณโคเอนไซม์ คิวเท็น จะสร้างได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น หรือร่างกายร่างกายอยู่ในสภาพที่พักผ่อนไม่เพียงพอ การได้รับยา หรือสารเคมีบางชนิด แม้แต่ความเครียด ก็สามารถทำให้ปริมาณของ โคเอนไซม์ คิวเท็น ในร่างกายลดลง ดังนั้นร่างกายจึงควรได้รับ โคเอนไซม์ คิวเท็น เพิ่มจากภายนอกด้วย เช่น จากอาหาร หรือจากเครื่องดื่ม เพื่อช่วยเสริมปริมาณของโคเอนไซม์ คิวเท็น ให้มากพอต่อการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ผิวพรรณสดใส

     2.คอลลาเจน (Collagen): เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของร่างกาย ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ โดยจะอยู่ในรูปของไฟเบอร์ มีคุณสมบัติทำให้เกิดการยืดหยุ่นได้ดี กระดูก และข้อมีความแข็งแรง ซึ่งนับได้ว่าคอลลาเจน เป็นโครงสร้างที่สำคัญของอวัยวะต่างๆดังกล่าว เมื่อเวลาผ่านไปอายุคนเรามากขึ้น ร่างกายได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม เช่น แสงแดด สารเคมี อนุมูลอิสระต่างๆ ทำให้ประสิทธิภาพความยืดหยุ่นตัวของคอลลาเจนสูญเสียไป แต่คลอลาเจนจะมีความเหนียวเพิ่มขึ้น ความสามารถในการอุ้มความชื้นน้อยลง และมีการแตกหักทำลายของโครงสร้างคอลลาเจนเกิดขึ้นทั่วไป สิ่งที่สามารถสังเกตุเห็นได้ ก็คือ ความหย่อนยานของผิวหนัง ที่สูญเสียความยืดหยุ่น ปัจจุบันกระแสความนิยมในการรับประทานคลอลาเจนเสริมจึงค่อนข้างแพร่หลาย

     3.ไลโคปีน (Lycopene): เป็นสารไฟโตเคมิคอล ชนิดที่ทำให้มะเขือเทศมีสีแดง ที่เรียกว่า แคโรทีนอยด์ มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความผิดปกติ และความเสื่อมของเซลล์ รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก,มะเร็งปอด,และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ รวมทั้งยังช่วยในการป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย การรับประทาน ไลโคปีนยังให้ผลกับผิวพรรณที่แลดูเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด กล่าวคือ ผิวจะดูอมชมพูนั่นเอง

     4.น้ำแอปเปิ้ลหมัก (Apple Cider): เป็นที่รับรู้ว่าให้ผลดีต่อสุขภาพ และได้ถูกนำมาใช้เพื่อปรุงแต่งสำหรับรับประทาน ร่วมกับอาหารมายาวนานกว่า 50 ปี เพียงแต่ขณะนั้นยังไม่มีการศึกษายืนยันผลที่ได้รับจากแอปเปิ้ล ไซเดอร์กันอย่างชัดเจน จนกระทั่งในปัจจุบันได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงผลการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของแอปเปิ้ล ไซเดอร์กันอย่างมากมาย เราจึงพบว่าน้ำแอปเปิ้ล ไซเดอร์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ลดความดันโลหิต และจากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า แอปเปิ้ล ไซเดอร์ยังช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตช้าลง รวมไปจนถึงการศึกษาที่พบว่า การดื่มน้ำแอปเปิ้ล ไซเดอร์ช่วยให้ความรู้สึกอิ่ม และสามารถใช้ในการควบคุมน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี ปัจุบันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ผสมน้ำแอปเปิ้ล ไซเดอร์จึงได้รับความนิยม เพราะนอกจากให้ความอร่อย แล้วยังให้ผลดีกับร่างกายอีกมากมายดังกล่าวนั่นเอง
..............................................................................

แคลฟิลล์ Calphyll




ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน (ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกจะไม่สามารถรับน้ำหนักหรือแรงกดดันได้ตามปกติ จึงทำให้กระดูกแตกหักได้ง่ายกว่าปกติ)


* ปกติจะเกิดกับผู้สูงอายุ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

 
 


ส่วนประกอบ

     แคลเซียม ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และแคลเซี่ยม ยังมีหน้าที่สำคัญในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายอีกด้วย ได้แก่ ช่วยการแข็งตัวของเลือด เกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาท ช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจเป็นปกติ และช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทมีความถูกต้อง ช่วยรักษาสมดุลของกรด-ด่างในเลือด และรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่ แร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างกระดูก
     คลอโรฟิล (คลอโรฟีลล์) เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่เป็นสีเขียวของพืช มีบทบาทสำคัญหลายประการ เช่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ช่วยลดการดูดซึมของสารก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการหายของบาดแผลช่วยยับยั้งการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ช่วยกำจัดกลิ่นจากอวัยวะภายในร่างกายและช่วยลดปัญหาท้องผูกได้อีกด้วย
     ทองแดง (ทองแดง) ในร่างกายมีทองแดงประมาณ 100-150 มิลลิกรัม พบตามเนื้อเยื่อต่างๆทั่วร่างกาย และเป็นส่วนประกอบสำคัญ ในโมเลกุลของเอนไซม์หลายชนิด ทองแดงมีความจำเป็นต่อการ สร้างฟอสโฟไลปิด การสร้างคอลลาเจน การพัฒนาของกระดูก และการสร้างเยื่อหุ้มเส้นใยประสาท
     สังกะสี พบมากที่ตา และยังพบสังกะสีได้ที่ ตับ กระดูก ผม และต่อมลูกหมาก สังกะสีเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิด เช่น แอลคาไลน์ฟอสฟาเตส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สำคัญในเมตาบอลิซึมของกระดูก สังกะสียังทำหน้าที่สำคัญในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยสร้างคอลลาเจนและทำให้บาดแผลหายดีขึ้นอีกด้วย
     แมกนิเซียม ในร่างกายมีแมกนีเซี่ยมอยู่ 20-35 กรัม พบอยู่ในส่วนประกอบของกระดูก 60-70% ส่วนที่เหลือ พบอยู่ตามเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย มีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูก และฟันทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ และเมตาบอลิซึมต่างๆ
     ธาตุเหล็ก (เหล็ก) ในร่างกายมีธาตุเหล็กทั้งหมดประมาณ 3 - 4 กรัม พบมากในโฮโมโกบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง 75% ส่วนอีก 5% พบในกล้ามเนื้อ และอีก 20% พบใน ตับ ม้าม ไตพลาสมา และไขกระดุก ดังนั้นธาตุเหล็กจึงมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของร่างกาย ที่เกี่ยวข้องกับไขกระดูกด้วยเช่นกัน
..............................................................................

เดอร์มารีน (Dermarine)


 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
ไฟโตสเตอรอล และกระดูกอ่อนปลาฉลาม

          อาหารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และชะลอความชรา เพื่อให้คุณคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้ตราบนานเท่านาน สัญญาณที่บ่งชี้ความแก่ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกว่าอ้วนง่ายขึ้น ผมเริ่มบางลง ศีรษะล้าน หน้าผากกว้างขึ้น ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่น ผิวหนังตามร่างกายเริ่มหย่อนยาน ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อน ปวดเมื่อยตามร่างกาย คิดช้า ไม่ว่องไวเหมือนในอดีต หากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณต้องได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากสารไฟโตเคมีคัล Phytochemical
          Dermarine เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่รวบรวมสารอาหารที่ผิวต้องการไว้ทั้ง 10 อย่าง เป็นตัวที่สุดยอดมากๆของอาหารผิว

ส่วนประกอบสำคัญ
     • โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
     • ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน
     • ไฟโตสเตอรอล
     • ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลต
     • ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์
     • กระดูกอ่อนปลาฉลาม
     • ไลโคปิน
     • วิตามินอี
     • โคเอนไซม์คิวเทน
     • ซีลีเนียม อะมิโน แอซิด คีเลต

1. โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง (Soy Protein Isolate 258 mg.)  ให้สารสำคัญคือ ไฟโตเอสโตรเจนประกอบด้วยไอโชฟลาโวน มีฤทธิ์ต่อร่างกายดังนี้
      ช่วยลดอาการวัยทอง ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
      ลดระดับไขมันในเลือด และลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน และหัวใจล้มเหลว
      ป้องกันการเกิดมะเร็ง ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ทำให้ไม่เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
      มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ ป้องกันการแก่ก่อนวัย ป้องกันผิวหนังถูกทำลายจากแสงแดด
      ลดอาการและความรุนแรงของโรคเบาหวาน

2. ไฮโดรไลต์ คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen 200 mg.) หากร่างกายได้รับอย่างเพียงพอจะมีผลต่อร่างกายดังนี้
      ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
      ลดอาการของข้อต่ออักเสบและข้ออักเสบจากรูมาตอยด์
      สามารถช่วยลดน้ำหนักได้
      เสริมสร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นแก่โครงสร้างผิวชั้นหนังแท้ทำให้ผิวกระชับ ลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย

3. ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol 100 mg.) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการด้วยกัน คือ
      มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
      ลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด
      ต่อต้านการเกิดมะเร็ง
      ช่วยเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด
      ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
      ช่วยป้องกันผิวจากการทำลายด้วยแสงแดดช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย

4. ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลต (สังกะสี : Zine Amino Acid Chelate 75 mg.)
      ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
      ป้องกันมะเร็ง
      ช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่น และสายตาในผู้สูงวัย
      กระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น
      เพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชาย ช่วยรักษา และป้องกันการเป็นหมันในผู้ชาย ป้องกันต่อมลูกหมากโต
      รักษาสิว ป้องกันผมร่วง ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
      ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานต่อโรคและลดการอักเสบจากโรคข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์

5. ซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์(สารสกัดจากส้ม) (Citrus Bioflavonoids 60 mg.) วิตามินซีสกัดจากส้ม มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลลอิสระ
      ช่วยป้องกันมะเร็ง
      ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
      ช่วยลดอาการแก่ก่อนวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส

6. กระดูกอ่อนปลาฉลาม (Active Shark Cartillags 50 mg.)
      มีสารกลูซามี คอลลาเจน และคอนโดอิทินซัลเฟต ซึ่งสามารถช่วยลดอาการอักเสบของโรคข้อเสื่อม และช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนแก่ผิว ทำให้ผิวพรรณยืดหยุ่น กระชับ
      และยังมีสารมิวโคโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดเลือดใหม่ของเซลล์มะเร็ง ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย และช่วยลดการอักเสบของผิวหนังในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน และผู้ที่มีเซลล์ผิวหนังลอกผิดปกติ

7. ไลโคปิน (สารสกัดจากมะเขือเทศ) (Lycopene 20 mg.) สารสกัดมะเขือเทศเป็นสารแคโรทีนอยด์ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า
      ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
      ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวพรรณสดใส
      ช่วยในการป้องกันและลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

8. วิตามินอี (Dry Vitamin E 15 mg.) ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่
      ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสมองเสื่อม
      ช่วยป้องกันการกลายพันธ์ของเซลล์อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
      ช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่ผิวหน้าเพื่อปกป้องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า มีประสิทธิภาพในการรักษาแผล ช่วยให้แผลหายเร็ว

9. โคเอ็นไซม์คิวเทน (CoQ10 15 mg.) เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในไมโตคอนเดรียองเซลล์ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์ ซึ่งโคคิวเทนจะลดลงในผู้ที่มีอายุ มากกว่า 20 ปี มีรายงานวิจัยว่าโรคบางชนิดมีความสัมพันธ์กับการขาดโคคิวเทน
      โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องการ และมีการใช้พลังงานที่สูง จึงพบว่า เป็นอวัยวะที่เกิดกระบวนการเมตาบอลิซึมที่สูงมาก การขาด CoQ10 จึงมีผลกระทบต่อหัวใจและจะนำไปสู่ภาวะหัวใจลัมเหลว
      โรคความดันโลหิตสูง CoQ10 ช่วยลดการทำลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดแรงต้านทานของผนังหลอดเลือด ทำให้ประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดของหัวใจดีขึ้น ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้
      โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง หัวใจโต คือสภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดประสิทธิภาพในการบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือด ซึ่งCoQ10 ทำให้การสูบฉีดเลือดดีขึ้น และเป็นสารเพิ่มภูมิต้านทานและกำจัดอนุมูลอิสระ จึงถูกนำมาใช้ในผู้ปวยโรคมะเร็งโดยเฉพาะในการใช้ร่วมกับผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัด
      ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิเดชั่น โดยจะไปป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะทำให้อนุมูลอิสระทำอันตรายต่อผิวหนัง และช่วยลดริ้วรอย

10. ซีลีเนียม อะมิโน แอซิด คีเลต (Selenium Amino Acid Chelate 7 mg.)
      ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งปอด
      ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
      ช่วยปกป้องผิว และชะลอความชรา
      ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง และลดริ้วรอยเหี่ยวย่น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกลูต้าไธโอนเปอร์รอกวิเดส ที่เป็นเอนไซม์ต่อต้านอนุมูลอิสระ

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1- 2 เม็ดก่อนนอน
คำเตือน : ควรระวังในผู้แพ้อาหารทะเล ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค เด็ก สตรีมีครรภ์และสตรีที่จะตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทาน ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ที่พักฝื้นจากการผ่าตัด
..............................................................................

Slenta Coffee (สเลนต้า คอฟฟี่)


เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทานกาแฟ แต่ไม่ต้องการอ้วน เพราะสเลนต้า คอฟฟี่ เป็นสูตรปราศจากน้ำตาล ปราศจากคลอเรสเตอรอล เพื่อสุขภาพที่ดีของคอกาแฟ
..............................................................................